











เมื่อเอ่ยถึง OMP Hobby ชื่อนี้คงจะเป็นที่รู้จักกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ไซส์ Micro (ไซส์ 200) ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีจนเป็น OEM ได้เลย แต่กว่าจะมาเป็น M2 V3 Pro โฉมล่าสุดที่เรียกได้เต็มปากว่า All-New ก็ต้องผ่านการเทสกับเจ้า M2 EVO Mk2 มาก่อน วันนี้เลยถือว่าเป็นรีวิวแรกที่ทาง OMP Hobby Thailand จะเทียบให้ได้เห็นกันว่าตัวเก่ากับตัวใหม่นั้นแตกต่างกันอย่างไร
หากมองตัวลำจากภายนอกต้องบอกได้เลยว่าต่างกันแบบ 100% ไม่ว่าจะเป็นที่หัวแคโนปี้, ตัวเฟรมลำ, บูมหาง, รวมไปจนถึงขาสกี ซึ่งเจ้า M2 V3 Pro รูปลักษณ์ภายนอกนั้นดูคล้ายกับพี่ใหญ่อย่างเจ้า M7 M6 M5 เป็นอย่างมาก ส่วนเจ้า M2 EVO Mk2 นั้นมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูคล้ายกับเจ้า M4 M4Max
เมื่อทดลองนำหัวแคโนปี้ของเจ้า M2 V3 Pro ไปใส่กับเจ้า M2 EVO Mk2 สามารถใส่ได้เลยโดยที่ไม่ต้องทำการดัดแปลงใดๆ แต่เมื่อนำหัวของ Logo 200 มาทดลองใส่ กลับใส่ไม่ได้เหมือนกับเจ้า M2 EVO Mk2 ครับ จากนี้ต่อไปจะขอเรียกเจ้า M2 V3 Pro ว่า V3 และเรียก M2 EVO Mk2 ว่า Mk2
ขยับขึ้นมาที่ชุดเฮด ชุดเฮดของเจ้า V3 จะเป็นชุดเฮดสีดำ ได้มีการปรับปรุงจีโอเมทรีของชุดเฮดรวมไปจนถึงสวอชเพลทใหม่ทั้งหมด พื่อให้ทำงานได้ดีที่สุดกับเจ้ากล่อง OFS3 นั่นเอง
มาต่อกันที่เบลด เจ้า V3 นั้นได้เปลี่ยนมาใช้เบลดรุ่นใหม่ที่มีทรวดทรงคล้ายของเดิมมากแต่สิ่งที่แตกต่างกันนั่นคือ เรื่องของความแข็งที่แข็งกว่ารุ่นเก่า (Stiffness) รวมไปจนถึงในเรื่องของน้ำหนักที่เบากว่า (Lightness) สิ่งที่ได้ตามมานั่นคือ ความรวดเร็วในการพลิกตัว และความนิ่งในการเกาะอากาศนั่นเอง
ไปกันต่อที่ชุดหาง เจ้า V3 ได้เปลี่ยนมาใช้บูมหางที่เป็นคาร์บอนทรงกลมน้ำหนักเบาเหมือนพี่ใหญ่ M7 M6 M5 M4 ซึ่งแตกต่างจากเจ้า Mk2 ที่เป็นบูมอลูมิเนียมทรงห้าเหลี่ยม แล้วยึดเข้ากับที่ตัวลำด้วยแคลมป์อลูมิเนียมทั้งคู่ เจ้า V3 ได้เปลี่ยนมอเตอร์ใหม่เป็นรหัส R13X-3 ที่แรงขึ้นและเบากว่าตัวเดิมที่อยู่ในเจ้า Mk2
ด้วยความเบาของบูมและมอเตอร์นี้เอง ทำให้ลดภาระของมอเตอร์หางที่ไม่ต้องทำงานหนัก จึงมั่นใจได้เลยว่าอาการหางนั้นดีกว่าเดิมแน่นอนครับ ส่วนใบหางนั้นเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือลวดลายที่มีความเข้ากันกับเบลดหลักนั่นเอง
มาต่อกันที่เมนเฟรม ต้องบอกได้เลยว่าเจ้า V3 นั้นยึดหลักการมาจาก M4 M5 M6 ที่ใช้แชสซีส์กลางลำเป็นอลูมิเนียมเนื้อแข็งแล้วยกแท่นวางเซอร์โวไว้รอบเมนชาร์ฟ แล้วประกบยึดด้วยเฟรมคาร์บอน ซึ่งแตกต่างจากเจ้า Mk2 ที่จะใช้แชสซีส์กลางลำเป็นอลูมิเนียมเหมือนกันแต่แชสซีส์จะประกบบนล่างเข้ากับเซอร์โว แล้วใช้เฟรมคาร์บอนประกบรั้งไว้ ซึ่งการวางเซอร์โวของเจ้า V3 นั้นจะทำให้เราเซอร์วิสเซอร์โวได้ง่ายมาก
ว่ากันด้วยเรื่องเซอร์โว เจ้า V3 ได้เปลี่ยนเซอร์โวมาใช้เป็นเคสอลูมิเนียมซึ่งแตกต่างจากเจ้า Mk2 ที่ใช้เป็นพลาสติก ข้อดีของเซอร์โวอลูมิเนียมก็คือเรื่องของการะบายความร้อนที่ทำได้ดีกว่าพลาสติกและยังมีความคงทนต่อการตกสึกหรอ (คลอน) อีกด้วย ในรอบนี้เท่าที่ดูของที่แถมมากับชุดคิทจะเป็นอาร์มเซอร์โว ทำให้รับรู้ได้เลยว่าจุดที่จะเป็นแพะรับบาปรับแรงกระแทกคงหนีไม่พ้นอาร์มเซอร์โวที่จะหัก แล้วเราสามารถเปลี่ยนได้โดยง่ายโดยไม่ต้องรื้อเซอร์โวออกมาจากตัวลำ
ต่อมาที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือมอเตอร์หลัก เจ้า V3 นั้นมากับมอเตอร์ลูกใหม่รหัส R 40X-3 ที่ดูแล้วบางกว่าตัวที่อยู่กับเจ้า Mk2 เยอะมาก ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงน้ำหนักที่เบาลงอย่างแน่นอนแต่ความแรงนั้นยังคงเหมือนเดิม ด้วยน้ำหนักที่เบาลงและด้วยความแรงที่เท่าเดิมย่อมหมายถึงแรงกว่าเดิมแน่นอนครับ แบตเตอรี่ที่ใช้นั้นก็ยังคงใช้ที่ 750 mAh เหมือนเจ้า Mk2 แต่ด้วยเหตุที่น้ำหนักเจ้า V3 นั้นเบากว่าจึงทำให้บินได้นานกว่าด้วยเช่นกัน
มาดูกันต่อที่ขาสกีตัวนี้กันบ้างครับ จุดนี้เป็นจุดที่รับแรงโดยตรงเวลาที่เราเอาฮอลงจอด ขาสกีตัวนี้ถูกผลิตมาด้วยเทคโนโลยีของเม็ดพลาสติกสมัยใหม่ จึงทำให้มันมีความยืดหยุ่นมากเป็นพิเศษ ความที่มันอ่อนและให้ตัวได้ดีมากจึงทำให้ขาสกีของเจ้า V3 นั้นหักพังได้ยากมากเวลาที่ตกหรือรับแรกกระแทกที่รุนแรง
สุดท้ายคงหนีไม่พ้นเรื่องของกล่อง FBL แน่นอนว่ามันคือกล่อง OFS3 ที่ทาง OMP Hobby พัฒนาขึ้นมาโดยเจ้าพ่อ RotorFlight อาการบินนั้นเหมือน RotorFlight แทบจะ 100% สิ่งที่แตกต่างกันนั้นก็คือหน้า UI ที่ใช้ปรับในแอพพลิเคชั่นของโทรศัพท์มือถือที่รองรับทั้ง iOS และ Android
ข้อดีของกล่อง OFS3 นั่นก็คือ Auto Saved ในที่นี่หมายความว่าเราสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth แล้วเข้าแอพพลิเคชั่นคาไว้ได้เลย ทุกครั้งที่เราปรับเราสามารถขึ้นบินเทสอาการได้ต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องกด Save แม้แต่ครั้งเดียวและไม่จำเป็นต้องออกจากแอพพลิเคชั่นเลย เปรียบเสมือนเราใช้งาน VControl เลยครับ เราสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ตลอดเวลา โดยที่ไม่ต้องมานั่งเชื่อมต่อ Bluetooth ใหม่ครับ
ท้ายที่สุดนี้ ลูกค้าท่านใดสนใจเจ้า M2 V3 Pro ราคาวางจำหน่ายจะอยู่ที่ 14,900 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่ง) อยากเป็นเจ้าของทัก inbox สั่งกับทางร้าน SuT Hobby ได้เลยครับ

ใส่ความเห็น