









จากครั้งที่แล้วที่ได้รีวิว M2 V3 Pro กันไปแล้ว วันนี้จะพามาดูเจ้า M4 Max กันครับ (ต่อไปนี้ขอแรกสั้นๆ ว่า Max นะครับ) โมเดล Max นั้นได้ถูกพัฒนาต่อมายอดมาจาก M4 เดิม หากมองด้วยตาเปล่าแล้วอาจจะบอกได้เลยว่าแทบไม่มีอะไรที่แตกต่างจากเดิมมีเพียงแค่บางชิ้นส่วนที่ถูกอัพเกรดเท่านั้น
หากมองตัวลำจากภายนอกต้องบอกได้เลยว่าดีไซน์นั้นดูเหมือนกับเจเนเรชั่นเก่าอย่างเช่น M1 M2 รวมไปจนถึง M4 ด้วย สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากภายนอกคงหนีไม่พ้นชุดหางที่ได้ถูกอัพเกรดใหม่ทั้งหมด
บูมหางได้ถูกเปลี่ยนไปใช้บูมคาร์บอนทรงกลมเหมือน M2 V3 Pro รวมไปจนถึงเทลเคสที่สร้างจากอลูมิเนียม cnc ชิ้นเดียวเพื่อให้มีน้ำหนักเบาที่สุดและแข็งแรงที่สุด ในส่วนของกริ๊ปเบลดก็ได้ถูกออกแบบใหม่ให้มีตุ้มน้ำหนักถ่วงที่กริ๊ปทั้ง 2 ข้างเพื่อลดภาระการทำงานของเซอร์โวนั่นเอง
ในส่วนของสายพานหางก็ได้ถูกอัพเกรดใหม่เช่นกัน ได้เปลี่ยนจากขนาดเดิม 4 มิลลิเมตรมาเป็น 5 มิลลิเมตร เนื่องจากขนาดเบลดที่เปลี่ยนไปจาก 385 มาเป็น 420 จึงทำให้มีแรงดึงไปสู่ระบบส่งกำลังไปที่ชุดหางแรงขึ้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องอัพเกรดที่จุดนี้ ในส่วนของชุดหางแทบเรียกได้ว่าถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
จากที่ได้เอ่ยถึงขนาดเบลดข้างต้น สิ่งที่แตกต่างระหว่าง M4 และ M4 Max คงหนีไม่พ้นเรื่องความยาวของเมนเบลดครับ จากเดิมที่เคยใช้ขนาดเบลด 385 มิลลิเมตร ได้ถูกอัพเกรดมาเป็นขนาด 420 มิลลิเมตร สิ่งที่ได้จากการขยายเบลดจะทำให้ตัวฮอมีการเกาะอากาศที่ดีขึ้นลอยตัวในอากาศได้ดีกว่าเดิม เราจะรู้สึกถึงความแตกต่างกันได้เลยระหว่างเบลด 385 กับ 420
เมื่อมีการเพิ่มขนาดเบลดให้ใหญ่ขึ้นแล้ว สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไม่ได้เลยนั่นก็คือมอเตอร์ ในการอัพเกรดรอบนี้บอกได้เลยว่ามอเตอร์ลูกใหม่นั้นขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นทอร์คหรือความแรงนั้นแรงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดมาก แต่สิ่งที่สวนทางกับความแรงนั่นก็คือเสียงมอเตอร์ที่เงียบมาก (ตอนที่เทสบินถึงกับถามกันนี่แบงค์2-3แล้วเหรอ) อีกหนึ่งสิ่งที่ว้าวให้กับมอเตอร์ลูกใหม่นี้มากคือไม่กินไฟเลย
จากที่เราได้เทสกับแบต 2200 mAh ผ่านสปีด 80A รอบที่เราใช้บินทดสอบประมาณ 2550-2750 ระยะเวลาที่เราบินได้นั้นสามารถทำได้ถึง 4 นาทีเลย ตลอดทั้งไฟล์ทที่บินมอเตอร์กินไฟอยู่ไม่เกิน 60A ถือได้ว่าค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจมากเพราะปกติไซส์นี้จะบินได้ประมาณ 3 นาทีแบตก็หมดแล้ว
มาต่อกันที่เมนเฟรม ต้องบอกได้เลยว่าเจ้า Max นั้นไม่ได้มีอะไรที่อัพเกรดเพิ่มเติม ยังคงใช้แชสซีส์กลางลำเป็นอลูมิเนียมเนื้อแข็งแล้วยกแท่นวางเซอร์โวไว้รอบเมนชาร์ฟ แล้วประกบยึดด้วยเฟรมคาร์บอนตัวใหม่ที่ทำมารองรับกับมอเตอร์ลูกใหม่ที่ใหญ่ขึ้น การวางเซอร์โวหาง, สปีด, แบตเตอร์รี่ รวมไปจนถึงกล่อง FBL ยังคงถูกวางในตำแหน่งเดิมเหมือนเจ้า M4
ในส่วนของหัวแค่โนปี้ก็ยังคงเป็นทรงเดิมเพิ่มเติมคือสีใหม่ทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น รวมไปจนถึงขาสกีสีขาวด้วยเช่นกันที่ทำให้แยกแยะได้ถูกในตอนบินว่าเราบินหัวตั้งหรือหัวกลับ ถ้าหัวตั้งสีดำอยู่ด้านบน (ชุดเฮด) ถ้าหัวกลับสีขาวอยู่ด้านบน (ขาสกี) นั่นเอง
ท้ายที่สุดนี้ ลูกค้าท่านใดสนใจเจ้า M4 Max สามารถสั่ง Pre-Order ได้เลยครับ โดยราคาวางจำหน่ายจะอยู่ที่ 18,900 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่ง) ในชุดคิทประกอบไปด้วยตัวลำพร้อมมอเตอร์,เบลด RT Ultimate 420 และใบหาง Apex 71 ขาดเพียงแค่ Servo และ ESC เท่านั้นเอง อยากเป็นเจ้าของทัก inbox สั่งกับทางร้าน SuTHobby ได้เลยครับ

ใส่ความเห็น